วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การทำงานของวอร์เรน บัฟเฟตต์

เมื่อเอ่ยชื่อ วอร์เรน บัฟเฟตต์  ส่วนมากจะรู้จักเป็นอย่างดี ว่าเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นของโลก  และ เป็นประธานและซีอีโอ ของบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์  ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนที่ใหญ่ระดับโลกของเขา

 ก่อนจะไปดูการทำงานของวอร์เรน บัฟเฟตต์  อยากจะให้ทราบประวัติสักเล็กน้อย โดยคัดบางส่วนจากวิกิพีเดีย ดังนี้

 วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Edward Buffett)  เป็นชาวอเมริกัน

เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ.1930  (ปัจจุบันอายุ 82 ปี)  ที่
เมืองโอมาฮา ในรัฐเนแบรสกา สหรัฐ  เป็นบุตรชายของ ฮาเวิร์ด บัฟเฟตต์  เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่  Rose Hill ElementarySchool ในโอมาฮา 

เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่วอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียและได้ย้ายไปเรียนและจบการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยเนแบรสกา 

หลังจากนั้นได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์
ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในปี 1951

เมื่อครั้งที่ยังศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ที่
มหาวิทยาลัยโคลัมเบียอยู่นั้น วอร์เรน บัฟเฟต์ได้ศึกษาถึงปรัชญาการลงทุนจาก เบนจามิน เกรแฮม  หลังจากนั้นก็นำปรัชญาการลงทุนจาก ฟิลิป ฟิชเชอร์  มาปรับประยุกต์เข้าด้วยกัน  วอร์เรน  บัฟเฟต์ ถือเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่าของหุ้นที่มั่นคงในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น

วอร์เรน บัฟเฟตต์  ได้ซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง  11 ปี !!


พอร์ตโฟลิโอปัจจุบันที่น่าศึกษา

http://www.warren-buffett-portfolio.com/

http://www.buffettbuys.com/

 
มาดูการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง  ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ กันบ้าง

ห้องทำงานของวอร์เรน บัฟเฟตต์    ที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องคิดเลข

เขาเป็นนักทำเงินที่เก่งที่สุดในโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีทรัพย์สินมากกว่า GDP ของประเทศกว่าครึ่งบนโลก

เมื่อคำนวณครั้งล่าสุด เขามีเงินกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์


ถ้าตอนที่เขาเริ่มทำงานแรกๆ คุณไว้ใจให้เขาบริหารเงิน

10,000 ดอลลาร์ให้คุณ ถึงตอนนี้คุณก็จะมีเงินถึง 50 ล้าน

ดอลลาร์แล้ว

บัฟเฟตต์ได้สร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และใช้วิธีบริหารในแบบ
ของเขาเอง

ครั้งหนึ่งบัฟเฟตต์เคยบอกว่า  “เฉลี่ยแล้วผมจะมีเวลาอยู่บน
โลกนี้อีกแค่ ประมาณ 4,000 วัน และผมพยายามจะทำกิจกรรมทุกอย่างให้ได้ตามสัดส่วนที่พอเหมาะ”

บัฟเฟตต์บริหารบริษัทชื่อว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์  (Berkshire
Hathaway) ซึ่งมีมูลค่าหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านดอลลาร์ แต่กลับเช่าพื้นที่สำนักงานเพียงชั้นเดียวดำเนินการ   บัฟเฟตต์ไม่ได้ชื่นชอบความอลังการ


บัฟเฟตต์  ทำงานอยู่ที่นี่มา 47 ปีแล้ว  เริ่มต้นวันที่ 1 มกราคม

1962  ค่อยๆเติบโตมาถึงจุดนี้  มีพนักงานทั้งหมด 20 คน

นี่เป็นทีมงานของบัฟเฟตต์ ที่บริหารอาณาจักรมูลค่าหนึ่งแสน

ห้าหมื่นล้านดอลลาร์

บนโต๊ะทำงานของบัฟเฟตต์  ไม่เคยมีคอมพิวเตอร์ และเครื่อง
คิดเลขอยู่บนโต๊ะเลย  บัฟเฟตต์จะใช้เวลาหมดไปกับการอ่าน
เสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร  รายงาน  เพื่อประกอบ
ในการตัดสินใจ

โอมาฮามีชีวิตชีวาขึ้นมาปีละครั้ง ผู้ถือหุ้นบริษัท เบิร์กเชียร์
แฮธาเวย์ จะหลั่งไหลกันเข้ามา คนจำนวน 35,000 คน
เดินทางมายังงานประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บ่อยครั้ง
งานนี้ถูกขนานนามว่าเป็น เทศกาลวู้ดสต๊อคของนักทุนนิยม
(Woodstock for Capitalists)  ใครๆก็สามารถซื้อหุ้นของ
เบิร์กเชียร์ และเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ
บัฟเฟตต์ได้

มันเป็นมากกว่างานประชุมบริษัทธรรมดา นอกจากการ
รวมตัวกันแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นตามธุรกิจใน
ท้องถิ่นที่ เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เป็นผู้ถือหุ้นด้วย นี่เป็นคืน
ที่ร้านไอศกรีมนี้วุ่นที่สุดในรอบปี ผมได้ทราบว่าคนเหล่านี้
ไม่ได้มีเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือน
ลูกศิษย์ของบัฟเฟตต์ด้วย

นอกจากไอศกรีมแล้ว คุณยังหาซื้อหนังสือของคนที่พวกเขา
เรียกว่า ‘ท่านเทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา’ ได้ด้วย และอาจ
ได้มองเห็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเขา




บ้านเขาซื้อมันมาในราคา 31,000 เหรียญ เมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว มันตั้งอยู่บนหัวมุมถนนของย่านอยู่อาศัยที่น่าอยู่พอดูในเมืองโอมาฮา

“ผมมีความสุขที่นั่นครับ ถ้าผมคิดว่าอยู่ที่อื่นแล้วมีความสุข
มากกว่าผมคงย้ายไปแล้ว ผมไม่เห็นว่าการมีบ้านสิบหลัง
ทั่วโลกจะทำให้ชีวิตผมดีขึ้นยังไง ถ้าผมอยากจะเป็นเศรษฐี
ด้านอสังหาริมทรัพย์ ผมคงจะทำอาชีพนั้นไปแล้ว แต่ผม
ไม่อยากจะต้องจัดการกับบ้านตั้งสิบหลัง และผมก็ไม่อยาก
ให้คนอื่นมาจัดการให้ผมด้วย และผมก็ไม่เห็นว่ามันจะทำ
ให้ผมมีความสุขมากขึ้นตรงไหน”

“ผมอุ่นพอในหน้าหนาว และเย็นสบายพอในหน้าร้อน มัน
สะดวกสบายสำหรับผม ผมนึกภาพบ้านที่ดีกว่านี้ไม่ออก
แล้วครับ”  บัฟเฟตต์กล่าว

“ตอนปีที่เขาได้รับตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลก คุณ
ซื้อรถเป็นของขวัญให้เขาใช่ไหมครับ จริงหรือเปล่าครับ
ที่คุณซื้อรถคันนั้นได้ในราคาถูกเพราะมันเคยเสียหายจาก
ลูกเห็บ”


“จากลูกเห็บ ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนซื้อรถ 3-4 คันล่าสุดให้เขา
คุณต้องรู้ก่อนว่าพ่อจะใช้รถไปจนกว่าฉันจะบอกพ่อว่า
โอเค รถเริ่มเก่าจนน่าอายแล้วนะ พ่อต้องซื้อรถใหม่ได้แล้ว
รถคันนี้ไม่ได้ดูเหมือนเสียหายจากลูกเห็บเพราะมันถูก
ซ่อมมาแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เคยถูกลุกเห็บตกใส่จนเสียหาย
มันเลยราคาถูกกว่า จะมีที่อื่นให้ราคาดีกว่านั้นอีกเหรอ”
 
เขาบริหารงานลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากมายมหาศาล  เป็นนักทำเงินที่เก่งที่สุดในโลกในเวลานี้ก็ว่าได้  แต่เขาใช้พนักงานช่วยเขาเพียง 20 คนเท่านั้นเอง !!

เขาฉลาดในการบริหารเงิน ที่ใครๆ ก็ต้องยกนิ้วให้   น่าเป็นตัวอย่างที่ดี  ให้ผู้สนใจได้ศึกษาวิธีการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ในแบบของเขา มากครับ


******
ขอบคุณ http://oknation.nationtv.tv/blog/surasakc/2013/08/11/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น